Me Myself and My way

Archive for September, 2010

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า… “หนัง(ไทย)”

A9608050-172

แรงบันดาลใจในการเขียน blog นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดินออกจากโรง หลังจาก “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” จบลง

ผมเป็นคนที่ไม่ได้เข้าโรงหนังบ่อยนัก ยิ่งหลังจากช่วงที่ทำงานมาแล้วนี่ก็น้อยลงเยอะ เรียกว่าในช่วง 2 ปีหลังสุดนี้ น่าจะยังไม่ถึง 10 ครั้งเสียด้วยซ้ำ

ผมเป็นคนชอบดูหนังแนว Feel good ซึ่งแนวนี้ก็แน่นอนว่า GTH เข้าวินอย่างไม่ต้องสงสัย.. แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นแฟนบอยของค่ายนี้ เพราะบางเรื่องผมก็ไม่ดูแม้มีแผ่นออกมาให้ดูแล้ว

0415แฟนฉัน

ผมประทับใจกับ แฟนฉัน และหนังเรื่องนี้เป็นหนังไทยเรื่องที่สองต่อจาก สุริโยไท ที่ผมดูมากกว่า 2 รอบ

1176659862

ผมชอบ เพื่อนสนิท แต่มันก็ไม่ได้โดนอะไรมากนัก ดากานดา ไม่ใช่ผู้หญิงในฝันสำหรับผม เรื่องนี้ผมประทับใจ โอปอล มากกว่าซะด้วยซ้ำ

 

 blog_head2

ผมคลั่งใคล้ Seasons Change และนี่คือหนังที่ผมดูซ้ำมากที่สุดในชีวิต 8 รอบ.. (หรือ 9 นี่แหละ ไม่แน่ใจ) รวมถึงเป็นเรื่องเดียวในชีวิตที่ซื้อแผ่น Limited Edition ไว้ครอบครองimages

ผมชอบ สายลับจับบ้านเล็ก นี่เป็นอีกครั้งที่ GTH แสดงจุดยืน Feel good ได้ดีมากๆ แต่มานั่งคิดดูแล้วก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน ว่าผมไม่เคยดูซ้ำแม้แต่รอบเดียว (แต่คิดถึงแล้วก็อยากดูนะ)

ผม ไม่เคยดู ปิดเทอมใหญ่ฯ ส่วน Final Score นั้นไม่ตอบโจทย์สำหรับผม สิ่งดีๆที่ได้จากเรื่องนี้สำหรับผมคือ “คิดถึงโรงเรียน” หนังเรื่องนี้สอบตกเรื่องการพาผมกลับไปสู่ชีวิตช่วงเอนทรานซ์อย่างสิ้นเชิง และหลายๆอย่างสำหรับผม มันไม่ “สด” อย่างที่หนังพยายามโปรโมท

c1247828776mv2H ผม ผิดหวังอย่างร้ายแรง กับ หนีตามกาลิเลโอ.. ที่ผมหวังไว้เยอะมาก ตั้งแต่เห็นชื่อผู้กำกับ (นิธิวัฒน์ ธราธร – ผู้กำกับ Seasons Change) เรื่องนี้ผมรู้สึกว่า ตัวหนังมัน “หลงทาง” ไปหน่อย.. จะสุข ก็สุขไม่สุด ดราม่ามันเข้ามาเยอะและหนักเกินไป ตั้งแต่กลางเรื่องถึงปลายเรื่อง ต้นเรื่องก็ใช่ว่าจะไม่ดราม่านะ.. มันเลยเป็นส่วนผสมที่ ไม่ลงตัว เอาซะเลย สำหรับหนังที่ควรจะ Feel good เรื่องนี้

รถไฟฟ้า มาหานะเธอ เป็นเรื่องที่ดี น่ารักตามแบบฉบับ GTH อีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ช่วงท้ายเรื่องมันค่อนข้างจะขัดใจ ไปซักหน่อย

นอกสาย GTH แล้วผมยังชอบหนังไทย แนว comedy อีกหลายเรื่อง หนังของ หม่ำ จ๊กม๊ก ที่มักจะถูกตีค่าต่ำจากนักวิจารณ์ (แต่ทำเงินสูง) ผมก็ชอบนะ หนังหม่ำมัน “ไม่ดราม่า”ดี ดูแล้วสบายหัว

หนังอย่าง มะ..หมา 4 ขาครับ เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมาก ถึงตัวหนังจะไม่ได้ดีเลิศเลอ แต่ก็เป็นหนังที่ ”ดูแล้วมีความสุข”(เขียนถึงจุดนี้ ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนชอบดูหนังไทยมากกว่าหนังต่างประเทศอีกแฮะ..)

87712-attachment First Love สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก

สำหรับในช่วงนี้ กระแสของหนังไทยนั้นกลับมาแรงอีกครั้งโดยมีตัวชูโรงคือ กวน มึน โฮ ของ GTH เจ้าพ่อ Feel good เจ้าเก่า กับ สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก หนัง romantic comedy แบบแท้ๆเรื่องแรกรึเปล่าก็ไม่รู้ของ WorkPoint 

บอกตรงๆว่า ตอนแรกผมอยากจะไปดู กวน มึน โฮ และแทบไม่ได้ให้ความสนใจกับ สิ่งเล็กๆ เลย จนกระทั่งคนรอบตัว ทั้งคุณเพื่อน @phanitaw คุณพี่ @artkrub และคุณแฟน.. (@.. เอ้ย ไม่เล่น twitter) มาเป่าหูให้ฟังว่า เรื่องนี้แหละ เทพ เมพขิงๆ กว่า กวน มึน โฮ หลายเท่านัก

สุดท้าย ก็เลยมาจบที่ สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก ณ พารากอน ซีนิเพลกซ์ จนได้ (ที่ซึ่งพนักงานขายตั๋ว และป๊อปคอร์นหน้าหงิกเป็นตูด.. พี่คร้าบ ผมไปปล้นเงินพ่อพี่มาซื้อตั๋ว/ป๊อปคอร์นหรอค้าบ – -“)

Little-Thing-Called-Love1

เข้าโรงไปไม่นาน ก็พบว่าหนังดึงดูดตัวผมเข้าไปมีอารมณ์ร่วมได้เร็วมาก (ปกติผมจะเป็นพวกสมาธิสั้น หนังอย่าง avatar ยังต้องใช้เวลาราวๆ 15-20 นาทีกว่าผมจะมีอารมณ์ร่วมไปกับมัน) หนังพยายามสะท้อน “รักแรก” ในวัยเรียนออกมาในมุมของฝ่ายหญิง ผู้ชายอย่างผมจึงไม่ได้ถึงกับ “โดน” มากนัก อีกทั้งประสบการณ์ในการอยู่ร่วมโรงเรียนเดี่ยวกับคนที่แอบชอบนั้นก็ไม่มีเอาซะเลย (ผมเรียน รร ชายล้วน สมัย มัธยม) แต่หลายๆสิ่งในหนัง ก็ต้องยอมรับว่า คนเขียนบท “เข้าถึง” รักใสๆแบบ puppy love ช่วงมัธยมต้น อย่างแท้จริง การแอบรัก การพยายามทำให้คนที่เราชอบประทับใจ การแอบชอบคนที่เค้าชอบคนอื่นอยู่ ความเจ็บปวดของคนที่เป็นได้เพียง“สะพาน” มิตรภาพที่่ต้องเลือก ระหว่าง“เพื่อน”และ“คนที่รัก” ซึ่งมักจะจบลงด้วยปัญหากับอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเราไม่ได้เลือก ฯลฯ

อีกจุดหนึ่งที่ต้องชมของเรื่องนี้คือการเลือกใช้เพลงประกอบได้เข้ากับบรรยากาศ และถูกที่ถูกเวลา จุดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือช่วงเวลาของเพลง “สักวันหนึ่ง” และเพลง “เพราะใจ” นั่นเอง 

 

A9608050-4อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือ นางเอก ซึ่งถึงกับทำให้กระแสของ มาริโอ นั้นถูกกลืนไปมากทีเดียว เรื่องความน่ารักคงไม่ต้องพูดกัน เพราะ “น่ารักโคตรๆ” อยู่แล้ว แต่ฝีไม้ลายมือของ “น้ำ” หรือ “ใบเฟิร์น” นั้นต้องบอกว่า สุดยอด.. ไม่น่าเชื่อมากๆ ว่านี่จะเป็นนางเอกหน้าใหม่ ฉากร้องไห้ที่ต้องใช้อารมณ์ และเป็นฉากที่เป็นจุดพีคของเรื่อง “ใบเฟิร์น” ทำได้อย่างเยี่ยมยอดและไร้ที่ติ มันเป็นอารมณ์ของคนอกหักที่“ใช่” จริงๆ

“ใบเฟิร์น” เข้าถึงอารมณ์ของคนแอบรัก(ที่ผิดหวัง)ได้อย่างยอดเยี่ยม อย่างที่ดาราอาชีพหลายๆคนยังทำไม่ได้ขนาดนี้ ส่วนฉากอื่นๆนั้นก็ทำได้ดี ความสดใสของวัยรุ่นตอนต้นเรื่อยมาจนถึงกลาง ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีความรู้สึกขัด หรือความรู้สึกเฟคเลยแม้แต่น้อย

 

ถ้าให้เปรียบเทียบกับหนังในแนวเดียวกันอย่าง Seasons Change ซึ่งเป็นเรื่องที่ “ขึ้นหิ้ง” ไปแล้วสำหรับผม ก็ต้องบอกว่า อยู่ในระดับที่ทัดเทียมกัน ตัวเอกอย่าง“น้ำ” ก็สั่นคลอนบัลลังก์ของ “ดุจดาว” (ที่ถึงแม้ว่าฝีมือในด้านการแสดงนั้น ด้อยกว่า “อ้อม” อย่างชัดเจน แต่ก็นางในฝันอ่ะ.. ใครจะทำไม :D) ได้อย่างน่ากลัว

images (1)

Seasons Change มีบรรยากาศของ อาดาจิ มิซึรุ อยู่อย่างมากมาย ในขณะที่ สิ่งเล็กๆ นั้นไม่ได้มีมากเท่า (แต่ก็ยังพบเห็นได้) จุดแข็งของอาดาจิก็คือ เรื่องของจังหวะและโอกาส การเล่าเรื่องด้วยภาพ การเว้นระยะของความรู้สึกให้คนดูคิดต่อกันไปเอง (ฉากอ้อมซ้อนรถจักรยานของป้อม และ ฉากที่อ้อมให้ปากกาไฮไลท์กับป้อมใน Seasons Change) ในขณะที่ สิ่งเล็กๆก็มีซีนที่ให้ความรู้สึกคล้ายๆกันนี้ในตอน นิทานปลาหมึก นอกจากนี้ในตอนใกล้จบ บนโต๊ะของ”น้ำ” นั้นก็มีหนังสือของ อาดาจิ วางอยู่ด้วย แต่เห็นไม่ชัดว่าเรื่องอะไร (อันนี้คุณแฟนเป็นคนสังเกตุเห็น)

 

60_ บทบาทของตัวประกอบก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันในงานของอาดาจิ อาจารย์จิทาโร่และอาจารย์โรซี่ ของ Seasons Change กับ ครูอิน ของ สิ่งเล็กๆ นั้นแทบจะถอดพิมพ์กันมา คือเป็นคนsupport ตัวเอก และเป็นตัวเรียกเสียงหัวเราะ ซึ่งครูอินนั้นมีสไตล์ที่ต่างออกไปจากสองคนแรก ส่วนหนึ่งเพราะเลือกใช้ ตุ๊กกี้ เป็นคนแสดง ซึ่งโดยส่วนตัวผมชอบ “ตลกน่ารัก” แบบ อ.จิทาโร่และโรซี่ มากกว่า “ตลกโปกฮา” แบบ ครูอิน (และตัวประกอบของ อาดาจิ แท้ๆนั้นก็จะเป็นแบบแรกมากกว่า) อย่างไรก็ดี ผมว่าตุ๊กกี้ก็ทำได้เยี่ยมนะ สำหรับบทบาทของเธอ

ถึงแม้หนังทั้งสองเรื่องจะให้ความประทับใจพอๆกัน แต่ผมยังคงรู้สึกว่า Seasons Change นั้นทำให้คนดูโหยหาอยากดูซ้ำ ได้มากกว่า สิ่งเล็กๆ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพล็อตของ Seasons Change นั้นเนียนกว่าสิ่งเล็กๆอยู่พอสมควร ส่วนดราม่าของ Seasons Change นั้นละมุนละม่อมกว่า และ Seasons Change นั้นคลายปมของเรื่องได้ดีกว่าเยอะมาก เช่น ปมเรื่องพ่อของน้ำนั้นมันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ และแรงบันดาลใจของน้ำควรจะแบ่งปันไปหาพ่อมากกว่าที่จะมารวมทุกอย่างไว้ที่พี่โชน ผมคิดว่า ถ้าให้น้ำเรียนเก่งขึ้นเพราะอยากเจอพ่อ(อย่างที่หนังพยายามทำไปในทิศทางนั้นมาตลอด) นั้นจะดูดีกว่าที่จะมาบอกตอนจะจบว่าเป็นเพราะอยากให้พี่โชนสนใจเยอะเลย ดูแล้วก็รู้สึกเหมือนกับว่าหนังใช้ผู้กำกับคนละคนและไม่ได้ทำความเข้าใจซึ่งกันและกันมารึเปล่า มันถึงได้ขัดๆความรู้สึกแบบนี้

DSC0481 พูดถึงตอนจบแล้ว ตอนจบของสิ่งเล็กๆนั้นถือได้ว่าเป็น”จุดด้อย” ที่ใหญ่ที่สุดของเรื่องเลยทีเดียว เรียกว่าทำมาดีหมดทุกอย่างแล้วมาตกม้าตายเอาตอนบทสรุปนั่นเอง หนังพยายามที่จะ“จบดี” มากเกินไปจนเลยจุดที่“ควรจะจบ” ซึ่งการจบดีนั้นก็เป็นสิ่งที่ดี(ผมชอบ) แต่ชั้นเชิงในการจบมันควรจะดีกว่านี้หน่อย.. มาจบแบบนี้เหมือนหมดมุขและทำให้มันจบๆไป ทั้งๆที่ซีนนี้ควรจะเป็นซีนที่เติมเต็มความรู้สึกอิ่มให้กับผู้ชม แต่มันกลับกลายเป็นซีนลวกๆ ที่ทำให้เสียความรู้สึกไปซะอย่างนั้น (แอบคิดไปว่าถ้าเป็นอาดาจิ แกจะจบตรงที่ควรจะจบไปแล้วในฉากไดอารี่) อย่างไรก็ตาม หนังยังมาแก้ตัวได้ในซีนท้ายที่สุดจริงๆ การตัดภาพกลับไปมาแบบนั้น ทำให้คนดูลุ้นกันอย่างได้อารมณ์ทีเดียว

โดยสรุปแล้ว ถ้าเอาแค่ความประทับใจ สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก ทำได้ยอดเยี่ยมดีที่สุดในรอบหลายๆปีของหนังไทย (นับจาก Seasons Change สำหรับผม) แต่ถ้าพูดถึงรายละเอียดของตัวหนังจริงๆ แล้วก็คงต้องบอกว่า มันควรจะดีกว่านี้ได้อีก มันเกือบจะสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ซึ่งน่าเสียดายมากๆ ถ้าหนังมีการเก็บรายละเอียดที่ดีกว่านี้สักหน่อย เรื่องนี้น่าจะขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในดวงใจของผมและหลายๆคนได้ไม่ยากเลย..